Author Archives: admin

ความคลาดเคลื่อนทางยา

รูปแบบการดำเนินงานลดความคลาดเคลื่อนทางยา(Medication Error) มุ่งสู่การรักษาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่อง นางสุตา  ถือมั่น พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.ย่านยาว ความเป็นมา (หลักการและเหตุผล)          การบริการจ่ายยาของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่านยาว  มีเป้าหมายที่สำคัญคือผู้รับบริการได้รับยาที่ถูกต้องเหมาะสมปลอดภัยกระบวนการจัดยา(Pre-dispensing)และการใช้ยาของผู้ป่วยเป็นกระบวนการสำคัญที่มีส่วนช่วยป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication Error) ได้ความคลาดเคลื่อนทางยา มีโอกาสเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุปัจจัยหลายอย่างได้แก่ยาที่มีชื่อเสียงพ้องรูปแบบความเร่งรีบสติสมาธิในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการติดตามดูแลการรับประทานยาที่ถูกต้องของผู้ป่วยในชุมชนจากข้อมูลการดำเนินงานด้านเภสัชกรรมของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่านยาวมีการรักษาและดูแลสุขภาพประชาชนจำนวน 14,400 คนต่อปี และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 1,048รายที่ต้องมารับยาต่อเนื่อง มีผู้ป่วยที่รับประทานยาไม่ถูกต้อง ยาเหลืออยู่ที่บ้านไม่ได้รับประทาน ยาหมดอายุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค เป็นการสูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นจำนวน45ราย คิดเป็นร้อยละ 0.31เป็นความคลาดเคลื่อนที่ไม่เป็นอันตรายระดับความรุนแรง อยู่ที่ระดับCategory B และ Cโดยกำหนดเป้าหมายไม่เกินร้อยละ 1 แม้ไม่เกินเป้าหมายที่กำหนดแต่มีความมุ่งหวังที่จะลดความเสี่ยงในให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลยจึงได้จัดทำโครงการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานลดความคลาดเคลื่อนทางยา(Medication Error)มุ่งสู่การรักษาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่องขึ้น วิธีการดำเนินการ ด้านบุคลากรผู้จัดยา จ่ายยา ในสถานบริการ รพ.สต.ได้แก่การตรวจรักษาการรับยาณ จุดจ่ายยา การใช้ยาที่บ้านและ การติดตามหลังการใช้ยา กระบวนการเฝ้าระวัง/ป้องกันความผิดพลาดโดยเชื่อมโยงถึงชุมชนโดยใช้ องค์ความรู้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และเครือข่าย กพช.(กลุ่มแกนนำพัฒนาระบบยาในชุมชน )   ใช้เครื่องมือ/นวัตกรรม ในการช่วยให้บุคลากรการแพทย์และผู้ป่วยใช้ยาได้ถูกต้องได้แก่ เครื่องมือสำหรับบุคลากรการแพทย์โดย มีการมอบหมายหน้าในงานเภสัชกรรมชัดเจนแถบสีแสดงวันหมดอายุของยาทะเบียนเฝ้าระวังความคลาดเคลื่อนทางยาทะเบียนติดตามเยี่ยมผู้ป่วยใช้ยาในชุมชน นวัตกรรมสำหรับผู้ป่วยได้แก่

การพัฒนาคลินิกวัณโรค

                        การพัฒนาคลินิกวัณโรคอย่างมีคุณภาพ       โดยนางพรกนก  ภูมิจิรพัฒน์ ความเป็นมา  หลักการและเหตุผล                สืบเนื่องในปีพ.ศ. 2551คลินิกวัณโรคโรงพยาบาลบ้านด่านลานหอย  จังหวัดสุโขทัย ขาดแคลนบุคลากร เจ้าหน้าที่ติดประชุมบ่อย ผู้ป่วยมาตามนัดแล้วไม่พบเจ้าหน้าที่ไม่มีใครจ่ายยาได้ บางครั้งยาที่บ้านยังมีอยู่แต่ถูกนัดมาแต่ไม่พบเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยและญาติไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตแล้วไม่มีการติดตาม อัตราการค้นหา อัตราความสำเร็จของการรักษาไม่ผ่านเกณฑ์ทุกปี คลินิกให้บริการไม่เป็นสัดส่วน  รายที่ยังไม่ได้รับวินิจฉ้ยนั่งปะปนอยู่กับผู้ป่วยทั่วไป การแพร่กระจายเชื้อมีอยู่ทั่วไปที่ขากเสมหะไม่มี การตรวจนิเทศงานจาก สำนักงานควบคุมโรคที่ 9พิษณุโลกไม่ผ่านการประเมินต้องปรับปรุง พัฒนาคลินิกวัณโรคให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ 90% ดิฉันจึงอาสาที่จะมาทำงานพัฒนาคลินิกวัณโรคโดยคลินิกมาอยู่กับกลุ่มการพยาบาล ขึ้นกับแผนกผู้ป่วยนอก เพื่อประสานงานกับแพทย์ได้สะดวก วิธีดำเนินการ  จัดตั้งคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร จัดตั้งคลินิกวัณโรคแบบOne stop clinic เชิญแพทย์ตรวจที่คลินิก เภสัชจ่ายยาที่คลินิก ประชุมคณะทำงานในโรงพยาบาล  มอบหมายหน้าที่ที่รับผิดชอบ เชิญตัวแทนที่ปฏิบัติงาน  ผู้เกี่ยวข้อง เน้นการทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ตลอดจน อสม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ระดมสมองคิดหาวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยวัณโรคครอบคลุมทุกกระบวนการ ได้แก่

การดูแลผู้ติดเชื้อ

CQI Story ชื่อผลงาน/โครงการพัฒนาคุณภาพ : การดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ด้วยโปรแกรม HIVQUAL T                                                   (HIVQUAL T HIV/AIDS Care) 2.  ปัญหาและสาเหตุ ในการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS มักพบผู้ป่วยรายใหม่ล่าช้า จึงทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ได้รับการตรวจวินิจฉัย และเข้าถึงกระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสล่าช้า  ผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS รายใหม่ส่วนใหญ่มักมารับการรักษาด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งมีค่า CD4 ต่ำกว่า 350  และยังพบว่า ผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ที่ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ มีภาวการณ์ล้มเหลวจากการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เกิดการดื้อยา จากการทานยาไม่สม่ำเสมอ/ไม่ทานยาเลย เนื่องจากความเบื่อหน่าย และพบภาวะแทรกซ้อนจากโรค เช่น มะเร็งปากมดลูกที่พบระยะลุกลาม 3.   ผลงาน ความสำเร็จ     กระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสของผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ที่เข้ารับบริการในคลินิกเอดส์/ชมรม สัญญาใจ พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การส่งเสริมสุขภาพผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS พบว่า

การเสริมพลังผู้ป่วย

ชื่อเรื่อง       การเสริมพลังผู้ป่วยและญาติเพื่อการรับประทานยาอย่างถูกต้องและยั่งยืน ชื่อผู้นำเสนอผลงาน    ภญ.วชิราภรณ์   วงษ์สวัสดิ์ ชื่อหน่วยงาน                โรงพยาบาลกงไกรลาศ      อำเภอ กงไกรลาศ          จังหวัด สุโขทัย   ความเป็นมา       ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับยาต่อเนื่อง เป็นผู้ป่วยกลุ่มที่พบปัญหาด้านยาได้มากกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ  โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยาหลายชนิดและในจำนวนที่มาก มักพบปัญหาการรับประทานยาไม่ถูกต้อง จากการวิเคราะห์รากเหง้าของปัญหา  พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยาไม่ถูกต้องเหล่านี้มักเป็นผู้ป่วยสูงอายุ  ไม่มีญาติดูแลการรับประทานยา  อ่านหนังสือไม่ได้ใช้การจดจำ เมื่อมีการเปลี่ยนขนาดยาหรือเวลาในการบริหารยาก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร  การดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สัมฤทธิ์ผลต้องอาศัยความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ซึ่งความต่อเนื่องจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือของบุคลากรทางการแพทย์  ผู้ป่วย และญาติ วิธีดำเนินการ     ฝ่ายเภสัชกรรมดำเนินการจัดยาแบบแยกมื้อให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับยาต่อเนื่องหลายขนานในผู้ป่วยที่อ่านหนังสือไม่ได้และไม่มีญาติดูแลการรับประทานยา รูปแบบการดำเนินการ นำซองยาแยกมื้อเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน มาใช้จัดยาเป็นมื้อให้กับผู้ป่วย ซึ่ง แต่ละมื้อสีของซองยาแตกต่างกัน  และจัดยาให้ผู้ป่วยครบตามจำนวนที่แพทย์สั่งจ่าย   พัฒนารูปแบบการดำเนินการ โดยการจัดซองยาแยกมื้อเป็นตัวอย่างให้ผู้ป่วย  เพื่อให้ผู้ป่วยนำไปเทียบกับยาที่ได้รับเพื่อสามารถจัดยารับประทานเองได้อย่างถูกต้อง เภสัชกรสอนญาติในการจัดยาให้ผู้ป่วยเป็นมื้อและทดลองให้ญาติจัดให้เพื่อ ประเมินความถูกต้อง เมื่อญาติมีความมั่นใจในการจัดยาให้ผู้ป่วยแล้ว เภสัชกรได้จ่ายยาพร้อมซองยา ฉลากยา ให้ญาตินำไปจัดยาให้ผู้ป่วยต่อไป   ผลงาน ความสำเร็จ     วิเคราะห์ข้อมูลการรับประทานยาถูกต้องของผู้ป่วยคำนวณจากร้อยละความร่วมมือในการใช้ยา ร้อยละความร่วมมือในการใช้ยา =    

การพัฒนาระบบการติดตามดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ

ผลงานเด่นรางวัลการพัฒนาที่เป็นเลิศ กพร.ปี๕๗ การพัฒนาระบบการติดตามดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ โดย นางสาวศิวิไล นวลจันทร์ ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำชาญการ โรงพยาบาลกงไกรลาศ ชื่อผลงาน : พัฒนาระบบการติดตามดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์โรงพยาบาลกงไกรลาศ อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ปี 2557 บริบท           จากข้อมูลการประเมินผู้ป่วยพบว่าในปี 2553- ปี 2556  ผู้ติดเชื้อ / ผู้ป่วยเอดส์ ในชุมชนที่ยังไม่เปิดเผยตนเองจำนวนหนึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงบริการการดูแลสุขภาพและเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอดส์ ผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้กว่าจะเข้ามารับบริการในรพ.ก็ต่อเมื่อมีสภาพร่างกายอ่อนแอมาก มีโรคแทรกซ้อนและ CD4 ต่ำลงมากค่ามัธยฐาน CD4  ขณะเริ่มรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (copies/ml) <113**  ปี2553(50.5),CD4 ปี2554(82.5),ปี 2555(103.7) CD4 ปี2556(115.8), ทำให้เกิดความล่าช้าในการรักษาทำให้อัตราการตายเพิ่มขึ้น  ปี2553(7.5),ปี2554(2.7),ปี 2555(3.3)  ปี2556(1.5),สาเหตุสำคัญที่ทำให้เข้าถึงยาต้านไวรัสช้าเพราะผู้ติดเชื้อไม่ทราบว่าตัวเองป่วย และเมื่อผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาแล้ว ถ้าชุมชน ไม่ยอมรับมีอคติและแสดงความรังเกียจผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ ทำให้ผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ไม่สามารถอยู่ร่วมในชุมชนได้ขาดการการดูแลต่อเนื่อง และผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจะไม่กล้าที่จะมาเจาะเลือด(VCT) ถ้าชุมชนมีความรู้เข้าใจและมีความตระหนักเรื่องโรคเอดส์ก็จะช่วยกันป้องกัน ลดการรังเกียจของคนในชุมชน และช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ป่วยได้จะทำให้คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ สามารถเข้ามารับบริการในสถานพยาบาลมากขึ้นและสามารถดูแลตนเองได้ อย่างคนปกติทั่วไป เพียงแต่ชุมชน

Top