การพัฒนาคลินิกวัณโรค
การพัฒนาคลินิกวัณโรคอย่างมีคุณภาพ
โดยนางพรกนก ภูมิจิรพัฒน์
ความเป็นมา หลักการและเหตุผล
สืบเนื่องในปีพ.ศ. 2551คลินิกวัณโรคโรงพยาบาลบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ขาดแคลนบุคลากร เจ้าหน้าที่ติดประชุมบ่อย ผู้ป่วยมาตามนัดแล้วไม่พบเจ้าหน้าที่ไม่มีใครจ่ายยาได้ บางครั้งยาที่บ้านยังมีอยู่แต่ถูกนัดมาแต่ไม่พบเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยและญาติไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตแล้วไม่มีการติดตาม อัตราการค้นหา อัตราความสำเร็จของการรักษาไม่ผ่านเกณฑ์ทุกปี คลินิกให้บริการไม่เป็นสัดส่วน รายที่ยังไม่ได้รับวินิจฉ้ยนั่งปะปนอยู่กับผู้ป่วยทั่วไป การแพร่กระจายเชื้อมีอยู่ทั่วไปที่ขากเสมหะไม่มี การตรวจนิเทศงานจาก สำนักงานควบคุมโรคที่ 9พิษณุโลกไม่ผ่านการประเมินต้องปรับปรุง พัฒนาคลินิกวัณโรคให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ 90% ดิฉันจึงอาสาที่จะมาทำงานพัฒนาคลินิกวัณโรคโดยคลินิกมาอยู่กับกลุ่มการพยาบาล ขึ้นกับแผนกผู้ป่วยนอก เพื่อประสานงานกับแพทย์ได้สะดวก
วิธีดำเนินการ
- จัดตั้งคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร
- จัดตั้งคลินิกวัณโรคแบบOne stop clinic เชิญแพทย์ตรวจที่คลินิก เภสัชจ่ายยาที่คลินิก
- ประชุมคณะทำงานในโรงพยาบาล มอบหมายหน้าที่ที่รับผิดชอบ เชิญตัวแทนที่ปฏิบัติงาน ผู้เกี่ยวข้อง เน้นการทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ตลอดจน อสม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ระดมสมองคิดหาวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยวัณโรคครอบคลุมทุกกระบวนการ ได้แก่ การค้นหา การคัดกรอง การนำผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเข้าสู่ระบบการรักษา การกำกับการกินยา การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา การติดตามเยี่ยมบ้าน การติดตามผู้ป่วยให้มาตามนัด การจัดรถบริการรับส่งผู้ป่วย การสมนาคุณสิ่งของที่จำเป็นเอื้อต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่จะส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง และได้รับการแก้ไขปัญหาจากการแพ้ยาได้ทันเวลาเพื่อให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือในการรักษา ส่งผลให้อัตราความสำเร็จของการรักษา (Treatment Success Rate) เกิน ๙๐% ตามเป้าหมาย กำหนดบทบาทหน้าที่และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานในคลินิกวัณโรค
ชี้แจงการพัฒนางานในหน่วยงานที่ให้บริการทุกระดับตั้งแต่แรกรับจนถึงผู้ป่วยเข้าพบแพทย์ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจนจำหน่ายกลับบ้านไปอยู่ในชุมชน จัดทำแนวทางปฏิบัติงานและคู่มือปฏิบัติงาน มีการจัดสื่อการสอน และเอกสาร แผ่นพับความรู้วัณโรค มีการติดตามผู้ป่วยรักษาจนครบตามแผนการรักษาและหายขาดโดยการเยี่ยมบ้านทุกราย มีการนัดผู้ป่วยมารักษาในคลินิกวัณโรคเป็นระยะๆ
- จัดทำช่องทางด่วน (Fast track) โดยมีกระบวนการ ดังนี้จัดทำช่องทางด่วน (Fast track) โดยมีกระบวนการ ดังนี้
๔.๑. จุดคัดแยกผู้ป่วยเมื่อแรกรับ ซักประวัติและประเมินผู้ป่วยที่มีอาการสงสัย ใส่หน้ากากอนามัยส่งไปยังคลินิกวัณโรค ในวันอังคารเช้า หรือวันอื่นๆ พบเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานวัณโรคโดยไม่ผ่านแผนกผู้ป่วยนอก(OPD) และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล
๔.๒. มีแนวทางปฏิบัติการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคโดยส่งตรวจเสมหะ (AFB Spot) และส่งตรวจต่อเนื่องอีก ๒ วัน ส่งเอ็กซเรย์ปอดโดยไม่ต้องรอคำสั่งแพทย์
๔.๓. เมื่อผู้ป่วยวินิจฉัยเป็นวัณโรค จะมีการเจาะเลือดเพิ่มเติม ให้คำปรึกษาเรื่องโรคเอดส์
๔.๔. เมื่อผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (Admit) จะมีทีมสหวิชาชีพโดยเฉพาะ แพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพในตึกผู้ป่วยในเป็นผู้ดูแลฤทธิ์ข้างเคียงของยา มีการตรวจวิเคราะห์ทางห้องชันสูตรเป็นระยะๆ มีการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยารักษาวัณโรคที่ค่อนข้างรุนแรง ได้แก่ ภาวะตับอักเสบจากยาสูตรแยกเม็ดและสูตรยารวม มีแนวทางการทดสอบการแพ้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย ลดอัตราตาย อัตราการขาดยา อัตราการรักษาล้มเหลว ส่งผลต่อการรักษาสำเร็จ๔.5. เมื่อผู้ป่วยพ้นระยะวิกฤตแพทย์สั่งให้รักษาต่อที่บ้าน แจ้งให้เจ้าหน้าที่รพ.สต./อสม. เป็นพี่เลี้ยงกำกับการกินยา (DOT) และออกติดตามเยี่ยมบ้านทุกราย สร้างความคุ้นเคย ให้กำลังใจและดูแลสภาพความเป็นอยู่ในครอบครัว ปัญหาอื่นๆ ในการนัดตรวจครั้งต่อไป
๔6. มีการติดตามผู้ป่วยต่อเนื่องอยู่เสมอ กรณีที่ผู้ป่วยมีแนวโน้มขาดนัด ในแต่ละวันที่มีคลินิกบริการจะมีรถโรงพยาบาลนำส่งในวันนัดหรือติดต่อรถขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น นำส่งโรงพยาบาลในวันนัด เพื่อป้องกันการขาดยา เมื่อพบผู้ป่วยขาดยาจริง ติดต่อนายจ้างหรืออสม.ให้นำยาส่งไปให้ผู้ป่วย ณ ที่ทำงาน ได้ติดตามผู้ป่วยขาดยา หลายราย
บทเรียนที่ได้รับ
- การพัฒนาการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอดค่อนข้างมีข้อจำกัดในหลายเรื่อง เช่น ฐานะยากจน อยู่คนเดียว อยู่ในครอบครัวที่ไม่ดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร เป็นผู้สูงอายุ อยู่ห่างไกลจากสถานบริการ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นการจัดบริการที่ผู้ป่วยเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว นอกจากนี้การกำหนดบทบาทหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดเพื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน จะทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาและวางแนวทางแก้ไขได้อย่างมีทิศทาง ส่งผลให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จ สามารถลดงบประมาณในการรักษา ลดอัตราการตาย ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และไม่กลับเป็นซ้ำหรือเป็นวัณโรคดื้อยาในอนาคต การติดตามเยี่ยมเยียนอย่างห่วงใยจากใจ การดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ผู้รับย่อมรู้และสัมผัสได้ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ผลการประเมินเกณฑ์มาตรฐาน “คลินิกวัณโรคมีคุณภาพ” ปี2553ได้Cปี2554-57ได้A
ปี ๒๕๕๓ ระดับ C
ปี ๒๕๕๔ ระดับ A
ปี ๒๕๕๕ ระดับ A
ปี ๒๕๕๖ ระดับ A