การขยายเครือข่าย

 

“การขยายเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative Care)

ในรูปแบบระบบสุขภาพอำเภอ(District Health System) อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน”

ชมรมจริยธรรมอำเภอสวรรคโลก โรงพยาบาลสวรรคโลก  จังหวัดสุโขทัย

หลักการและเหตุผล / ที่มา

          ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อเนื่องมา โรงพยาบาลสวรรคโลก  ดำเนินการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมในองค์กร โดยใช้เทคนิคส่งเสริมให้บุคลากรทำงานจิตอาสา พร้อมๆกับการพัฒนาชุดโครงการพุทธอาสา พระเยี่ยมโยม ออมบุญวันละบาท โดยมีศูนย์มิตรภาพบำบัดเป็นศูนย์กลางสร้างการเรียนรู้การดูแลผู้ป่วยในรพ.  มิติจิตวิญญาณ  ครอบคลุมองค์รวม การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้เสียชีวิตอย่างสงบสุข ไม่มีสิ่งค้างคาใจ 

          ปีพ.ศ. ๒๕๕๖ ทีมศูนย์มิตรภาพบำบัด ร่วมกับชมรมจริยธรรมอำเภอสวรรคโลก ได้ขยายเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (End Of Life Care) และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative Care) ไปในชุมชน โดยใช้แนวคิดของระบบสุขภาพอำเภอ (District  Health System) ดำเนินการพัฒนาโครงการ  โดยเริ่มในชุมชนนำร่อง ๔ พื้นที่ ได้แก่ ตำบล(ต.)ในเมือง เขตเทศบาลเมืองสวรรคโลก ต.ย่านยาวและต.ท่าทอง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ป่วยแบบประคับประคองจำนวนสูงสุด

วิธีการดำเนินงาน

          ๑ ศูนย์มิตรภาพบำบัดร่วมกับชมรมจริยธรรมอำเภอสวรรคโลก กำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ในการดำเนินงานขยายเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง  วิเคราะห์ GAP การทำงานในพื้นที่นำร่องทั้ง  ๔ พื้นที่ รวมทั้งวางแผนดำเนินโครงการ ในช่วงระยะเวลา ๑ ปี

          ๒ ประชุมคณะทำงานฯ  กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ขอบเขตในการคัดเลือก  แผนการบริหารจัดการและกำหนดเป้าหมายโครงการ กำหนดเครื่องมือเพื่อสะท้อนตัวชี้วัดและผลสำเร็จของการดำเนินงาน

          ๓ การดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำงาน

                   – ฝึก”เผชิญกับความตาย” ให้ทีมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)ได้รู้สึกถึงและอยู่ในภาวะเหตุการณ์เดียวกันกับผู้ป่วยที่กำลังใกล้เสียชีวิต ญาติผู้ที่กำลังจะสูญเสีย  นำประสบการณ์การเรียนรู้มาสู่การถ่ายทอดความรู้สึก ปรับและประยุกต์ใช้ในงานที่ดูแลผู้ป่วย  เพื่อความเข้าใจผู้ป่วยและครอบครัว  เน้นเรื่องของการให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดการยอมรับ เกิดการสะท้อนคิด (Recalled)

                   – กิจกรรม”สมาธิบำบัด” เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวสงบ ปล่อยวาง กล้าและยอมรับในการเผชิญกับความตาย  เห็นความตายเป็นเรื่องของสัจธรรมที่เป็นสิ่งที่ต้องเกิด   ให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับ

                   – ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆไปกับคนใกล้ตัว เป็นลักษณะของการ”จุดประกายและถ่ายทอด”ให้กับกลุ่มเป้าหมาย   เกิดการเรียนรู้จากงานวิจัยที่เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง

                   – เน้นดูแลเฉพาะแบบการดูแลผู้ป่วยรายกรณี (Case Management)  การประเมินและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆทางการแพทย์   ที่เหมาะสมกับการเตรียมตัวในแต่ละราย

                   – ภาคีเครือข่ายในชุมชน (Community Participation) เชื่อมโยงการวางแผนเสียชีวิตที่บ้าน เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจ  ความพร้อมในชุมชน รองรับการดูแล เมื่ออยู่ในชุมชน  สร้างทีมจิตอาสาจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. จิตอาสา และ องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) สนับสนุนเรื่องอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ที่จำเป็นใช้ที่บ้าน เช่น เตียงผู้ป่วย  ที่นอนลม ออกซิเจน เป็นต้น

                   – พัฒนาศักยภาพเครือข่ายฯและใช้ทรัพยากรที่เอื้อร่วมกัน(Sharing

สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน:   Resource) ผ่านกระบวนการ “ จิตตปัญญา” ในการรับรู้ ตระหนักรู้ สะท้อนคิด

การค้นหาตัวเองเพื่อเข้าใจตนเองสู่การพัฒนา การสร้างความเข้าใจในผู้ร่วมงาน

ทั้งในส่วนของรพ. สาธารณสุขอำเภอ ผู้ปฏิบัติงานในรพ.สต. เจ้าหน้าที่ของอปท. 

ซึ่งนำไปสู่การขยายผลสู่การดูแลผู้ป่วยภายใต้ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์

ที่แตกต่าง การศึกษาดูงานด้านการดูแลแบบประคับประคองของ รพ.เวียงป่าเป้า

จังหวัดเชียงราย เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานร่วมกันและมีการวางแผนในการต่อยอดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในตำบลนำร่อง ๔ แห่ง

          ๔ ติดตามประเมินผลและปรับกิจกรรม สะท้อนผลการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมต่อเนื่อง

 

ผลลัพธ์ที่ได้/ผลการดำเนินงาน

           ๑ เกิดการเห็นคุณค่า (Appreciated) ทั้งกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเองและจากครอบครัวผู้ป่วย  สิ่งที่สะท้อนกลับเป็นไปในเชิงบวกเช่น เจ้าหน้าที่ที่ให้การดูแลผู้ป่วยมีท่าทีในการดูแลผู้ป่วยที่นุ่มนวล ทั้งสีหน้า แววตาและอากัปกิริยาในการดูแลผู้ป่วย ให้ความเคารพผู้ป่วยและญาติมากขึ้น กิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นมีส่วนในการกล่อมเกลา จรรโลงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมบริการที่ดีขึ้น (จากเสียงสะท้อนของผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่ด้วยกัน)  เจ้าหน้าที่มีจิตใจในการดูแลต่อเนื่องจนถึงชุมชน  มีการติดตามผู้ป่วย เยี่ยมผู้ป่วยในชุมชนนอกเวลาปฏิบัติงาน จึงเป็นการ “สร้างคุณค่าในจิตใจตนเอง” ไม่ใช่การปฏิบัติงานในงานประจำ ในส่วนของญาติผู้ป่วยจะเป็นเรื่องของการรับรู้ และให้การยอมรับนับถือ  สิ่งที่เป็นตัวสะท้อนอีกอย่างในรูปแบบของการบริจาค สมทบทุนกับศูนย์มิตรภาพบำบัด รวมถึงการสนับสนุนให้กับรพ.สต.ด้วย      ๒ รพ.มีการดำเนินการตามแผนงานของชุดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และปรับกิจกรรมให้เหมาะสม

          ๓ เกิดระบบการดูแลผู้ป่วยที่ตอบสนองครอบคลุมความต้องการของผู้ป่วยแบบองค์รวม อย่างต่อเนื่องระหว่างรพ.กับชุมชน  ในผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมาย  มีรูปแบบการดำเนินการในพื้นที่ ๔ ตำบลนำร่อง

          ๔ ผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่เข้าสู่ระบบการดูแลมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น    ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้รับการดูแล มีคุณภาพชีวิตและเสียชีวิตอย่างสงบ

บทเรียน  ปัญหาอุปสรรค  ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานในอนาคต

          ๑. การดำเนินงานขยายเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองจากโรงพยาบาลสู่การดูแลในชุมชน  เป็นกลยุทธ์สำคัญ สร้างความรู้สึกปิติสุขในการทำงานแก่จิตอาสาที่เข้าร่วมกระบวนการดูแลผู้ป่วย   ซึ่งเมื่อจิตอาสามีความสุขที่จะทำงาน เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งมีกลุ่ม ชมรมที่เข้มแข็งดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพ  การขยายผลการทำงานด้านสุขภาพอื่นๆ ก็จะทำได้โดยง่าย

๒. การจัดระบบสนับสนุน ช่วยเหลือ เอื้ออำนวยประสานงานการดูแลผู้ป่วย โดยมีบุคคล หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจน  จะส่งผลให้ระบบการทำงาน ประสานงานระหว่างโรงพยาบาลและชุมชนเป็นไปได้โดยสะดวก

เอกสารแนบ

Top